จิตวิทยาในการลงทุน

วิธีฝึกจิตวิทยาในการลงทุน ในวันที่การลงทุนอยู่แดนลบ

จิตวิทยาในการลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมให้การลงทุนประสบความสำเร็จ เพราะเราเชื่อว่า นักลงทุนหลายคนคงมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนกันแล้ว รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสร้างผลตอบแทน และรู้ว่าควรเลือกช่องทางการลงทุนโดยพิจารณาจากอะไร ดังนั้นเรื่องจิตวิทยาการลงทุนจึงเป็นหนึ่งเรื่องที่เราอยากฝากให้นักลงทุนทุกคนหันมาให้ความสนใจ เพราะนี่คือปัจจัยภายในเฉพาะบุคคล ที่จะทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับแตกต่างกัน และส่วนใหญ่ผู้ที่ประกอบไปด้วยจิตวิทยาและความรู้ มักจะประสบความสำเร็จในการลงทุน ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาเมื่อการลงทุนอยู่ในแดนลบ โดยใช้จิตวิทยาการลงทุน

เพราะเหตุใดจิตวิทยาในการลงทุนจึงมีอิทธิพลต่อความสำเร็จ

โดยส่วนใหญ่นักลงทุนที่มองข้ามจิตวิทยาในการลงทุนไป เป็นเพราะหลายมองว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลา และต่อให้มีความรู้ในด้านจิตวิทยาการลงทุน ก็ยังไม่อาจสร้างผลตอบแทนให้ได้ เมื่อเทียบกับความรู้และเทคนิคด้านการลงทุนโดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ผิด และค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ดีด้วย ที่เราสามารถใช้ความรู้ที่ศึกษามาสร้างเป็นผลตอบแทนให้กับตัวเองได้ แต่ความรู้ที่มี ไม่อาจช่วยให้นักลงทุนอยู่รอดในตลาดได้หากขาดจิตวิทยาการลงทุน สังเกตง่าย ๆ เมื่อพอร์ตที่ลงทุนอยู่ต้องอยู่ในแดนลบ นักลงทุนหลายคนแทบจะหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ บางคนเร่งเทขายแบบขาดทุน โดยที่ขาดสติไตร่ตรองปัจจัยแวดล้อมให้ดีก่อน 

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ความรู้ช่วยสร้างผลตอบแทน และจิตวิทยาการลงทุนช่วยให้อยู่รอดในทุกสถานการณ์ของตลาด ซึ่งการศึกษาจิตวิทยาการลงทุนควบคู่ไปกับการหาความรู้ด้านการลงทุน ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ที่จะช่วยให้นักลงทุนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายการลงทุน 

จิตวิทยา ในการลงทุน

และในข้อเท็จจริง การฝึกจิตวิทยาในการลงทุนให้เชี่ยวชาญจนกลายเป็นนิสัย จะต้องใช้ “เวลา” และ “ประสบการณ์” เป็นเครื่องมือ เพราะการลงทุนในสนามจริงจะช่วยให้เราได้เห็นถึงข้อดีข้อเสียของตัวเองมากขึ้น เราจะได้รู้อารมณ์ของการสัมผัสผลกำไรและขาดทุนว่าเป็นอย่างไร และที่สำคัญเราได้จะรู้ถึงบรรยากาศการลงทุนในตลาดที่แท้จริงด้วยตัวเอง สถานการณ์เหล่านี้จะช่วยสอนให้เราจะรู้จังหวะว่า เราควรอยู่ในอารมณ์ไหนเมื่อต้องเจอกับความผันผวนของตลาดในภาวะต่าง ๆ ดังนั้นก่อนลงสนามจริง นักลงทุนควรต้องมีพื้นฐานจากการฝึกจิตวิทยามาบ้างแล้ว และควรจะมีแผนการลงทุนเอาไว้สำหรับเป็นตัวยึดเหนี่ยวไม่ให้นักลงทุนหลงไปตามกระแสของตลาด

ประการสำคัญ นักลงทุนจะเห็นถึงประโยชน์ของจิตวิทยาการลงทุนได้อย่างชัดเจน ต่อเมื่อได้พบกับผลตอบแทนที่ลดน้อยลง และเริ่มเข้าใกล้คำว่าขาดทุนมากขึ้น หรือบางคนอาจจะอยู่ในจุดที่ขาดทุนแล้ว จังหวะนี้แหละที่เราจะรู้ได้ทันทีว่า จิตวิทยาการลงทุนมีประโยชน์ เพราะจะเป็นตัวบ่งชี้ได้เลยว่าเราจะอยู่ในตลาดต่อไปได้หรือไม่ และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้จิตวิทยาการลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อทุกการลงทุน

เมื่อต้องติดอยู่ในแดนลบ เราจะใช้จิตวิทยาในการลงทุนรับมือได้อย่างไร

ดังที่กล่าวไปว่าจิตวิทยาในการลงทุนควรเริ่มปูพื้นฐานก่อนลงสนามจริง เพราะในสนามจริงเราจะใช้เป็นเครื่องมือสำหรับสร้างประสบการณ์ให้ยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้นด้วยอารมณ์ที่มั่นคง ดังนั้นสิ่งแรกที่นักลงทุนจะต้องทำคือ การวางแผนการลงทุนที่ครอบคลุมไปถึงสถานการณ์ที่เราจะต้องติดอยู่ในแดนลบด้วยว่าเราจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร จะรับมือกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้อย่างไร

แต่ถ้าใครยังไม่เคยเขียนแผนการลงทุนมาก่อน และกระโดดไปลงสนามจริงแล้ว เมื่อต้องอยู่ในแดนลบ สิ่งแรกที่ต้องทำทันทีสามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน คือ 

  1. ถ้าเป็นการลงทุนระยะสั้น

“ตัดความกลัวทิ้งไป” และตั้งสติใช้ความรู้ที่มีมองภาพรวมตลาดดี ๆ ว่า สาเหตุที่ตลาดปรับตัวลดลงนี้ ปรับลดลงไปเยอะไหม สมเหตุสมผลหรือเปล่า หรือเราแค่วิตกกังวลไปเอง อย่าเพิ่งเร่งเทขายตามนักลงทุนคนอื่น 

  1. ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาว

“อย่าตื่นตระหนก ให้สงบเข้าไว้” เพราะความผันผวนของตลาด หรือการติดอยู่ในแดนลบ ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการลงทุนระยะยาวเท่าไหร่ แต่ถ้าหากนักลงทุนไม่มีจิตวิทยาในการลงทุน อาการตื่นเต้นตกใจกับความผันผวนระยะสั้น ๆ อาจทำให้เป้าหมายการลงทุนไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้

การศึกษาจิตวิทยาในการลงทุนสามารถทำควบคู่ไปกับการศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุนได้ เพราะเมื่อนักลงทุนมีองค์ประกอบทั้ง 2 อย่างนี้ครบ จะช่วยให้การเขียนแผนการลงทุนมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมไปถึงสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการลงทุน ช่วยให้มีสติมากพอที่จะรับมือกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น เพราะอารมณ์คืออุปสรรคสำคัญของความสำเร็จ ดังนั้นให้ใช้ความรู้เพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทน และใช้จิตวิทยาการลงทุนเพื่อการอยู่รอดในตลาด

Tags: